วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2016 สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนกุมภาพันธ์ 2016
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
- ฮิต: 1039
บทอ่านจากหนังสือเลวีนิติ ลนต19:1-2,11-18
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสส ให้บอกชุมชนชาวอิสราเอลทั้งปวงว่า “ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์เพราะเรา องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์
ท่านจะต้องไม่ลักขโมย ฉ้อโกง หรือพูดเท็จต่อกัน ท่านจะต้องไม่สาบานเท็จโดยใช้นามของเรา มิฉะนั้นท่านจะลบหลู่พระนามพระเจ้าของท่าน เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านจะต้องไม่เอารัดเอาเปรียบหรือปล้นเพื่อนบ้าน ท่านจะต้องไม่ยึดค่าจ้างของลูกจ้างไว้จนถึงวันรุ่งขึ้น ท่านจะต้องไม่สาปแช่งคนหูหนวก เอาของไปวางขวางทางคนตาบอด แต่ท่านจะต้องยำเกรงพระเจ้าของท่าน เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
ท่านจะต้องไม่ตัดสินคดีอย่างอยุติธรรม ท่านจะต้องไม่ลำเอียงเข้าข้างคนยากจนหรือคนมีอำนาจ แต่จงตัดสินคดีของเพื่อนบ้านอย่างยุติธรรม ท่านจะต้องไม่โพนทะนาใส่ร้ายชนชาติเดียวกับท่าน และไม่ซ้ำเติมเพื่อนบ้านของท่านให้ถูกประหารชีวิต เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านจะต้องไม่เก็บความเกลียดชังพี่น้องไว้ในใจ แต่จงตักเตือนเพื่อนบ้านอย่างตรงไปตรงมา ท่านจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบบาปของเขา ท่านจะต้องไม่แก้แค้น หรืออาฆาตชนชาติเดียวกับท่าน แต่จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ25:31-46
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เมื่อบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในพระสิริรุ่งโรจน์พร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์พระองค์จะประทับเหนือพระบัลลังก์รุ่งโรจน์บรรดาประชาชาติจะมาชุมนุมกันเฉพาะพระพักตร์พระองค์จะทรงแยกเขาออกเป็นสองพวกดังคนเลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะให้แกะอยู่เบื้องขวาส่วนแพะอยู่เบื้องซ้ายแล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสแก่ผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า ‘เชิญมาเถิดท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเราเชิญมารับอาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลกเพราะว่าเมื่อเราหิวท่านให้เรากินเรากระหายท่านให้เราดื่มเราเป็นแขกแปลกหน้าท่านก็ต้อนรับเราไม่มีเสื้อผ้าท่านก็ให้เสื้อผ้าแก่เราเราเจ็บป่วยท่านก็มาเยี่ยมเราอยู่ในคุกท่านก็มาหา’
บรรดาผู้ชอบธรรมจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้าเมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิวแล้วถวายพระกระยาหารหรือทรงกระหายแล้วถวายให้ทรงดื่มเมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลกหน้าแล้วต้อนรับหรือทรงไม่มีเสื้อผ้าแล้วถวายให้เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ประชวรหรือทรงอยู่ในคุกแล้วไปเยี่ยม’ พระมหากษัตริย์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่าท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่งท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา’
แล้วพระองค์จะตรัสกับพวกที่อยู่เบื้องซ้ายว่า ‘ท่านทั้งหลายที่ถูกสาปแช่งจงไปให้พ้นลงไปในไฟนิรันดรที่ได้เตรียมไว้ให้ปีศาจและบริวารของมันเพราะว่าเมื่อเราหิวท่านไม่ให้อะไรเรากินเรากระหายท่านไม่ให้อะไรเราดื่มเราเป็นแขกแปลกหน้าท่านก็ไม่ต้อนรับเราไม่มีเสื้อผ้าท่านก็ไม่ให้เสื้อผ้าเราเจ็บป่วยและอยู่ในคุกท่านก็ไม่มาเยี่ยม’ พวกนั้นจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้าเมื่อใดเล่าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิวทรงกระหายทรงเป็นแขกแปลกหน้าหรือไม่มีเสื้อผ้าเจ็บป่วยหรืออยู่ในคุกและไม่ได้ช่วยเหลือ’ พระองค์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่าท่านไม่ได้ทำสิ่งใดต่อผู้ต่ำต้อยของเราคนหนึ่งท่านก็ไม่ได้ทำสิ่งนั้นต่อเรา’ แล้วพวกนี้ก็จะไปรับโทษนิรันดรส่วนผู้ชอบธรรมจะไปรับชีวิตนิรันดร”
ข้อคิด
ท่านทำสิ่งใดต่อผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่งท่านทำสิ่งนั้นต่อเรา...พระวาจานี้สะท้อนถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อผู้ต่ำต้อยที่สุดในสังคม ผู้ต่ำต้อยคือใครหนอ? คนจน? คนพิการ? คนไร้สิทธิ์? คนอ่อนแอ? คนป่วย? คนไร้ความสามารถ? คนไร้แผ่นดิน? ไม่ว่าเขาจะเป็นใครพระเจ้าทรงแผ่ความรักของพระองค์ไปถึงเสมอ คำสอนเรื่องนี้เตือนใจเราว่าให้ระวังอย่าไปรังแกคนยากจนเพราะเสียงร้องของเขานั้นพระเจ้าทรงสดับฟังเสมอ...นอกนั้นพระวรสารยังสะท้อนอีกมุมหนึ่งว่า หากเราอยากพบพระเจ้าในรูปแบบใหม่ ให้หาพระองค์จากคนยากจนเหล่านั้น และนอกนั้นเราเข้าใจคำว่าพระเจ้าหมายถึงอะไร โดยเฉพาะคนที่ยินดีจะเป็นผู้ยากจนฝ่ายจิตที่ภาษาเท็คนิคทางพระคัมภีร์เรียกว่า อันนาวิม....คนจนของพระเจ้า